ความกล้าแบบชนิดที่เปลี่ยนโลกได้
"Imagination is more important than knowledge"
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
มีการยอมรับกันในเวลานี้ของผู้ที่เคยประสบความสำเร็จแล้วว่า สิ่งที่จะทำให้คนรุ่นใหม่นั้นพบกับความสำเร็จแบบถล่มถลานนั้น คือ ความกล้า ไม่ใช่แบบปกติธรรมดา แต่ต้องเป็นความกล้าชนิดที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ถึงจะสำเร็จ
โดยปกติพื้นฐานของนิสัยมนุษย์เราแล้ว มักไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเรื่องนี้ซิกมันด์ ฟรอยด์ นักจิตวิทยาผู้มีชื่อเสียงระดับโลกได้กล่าวไว้ว่า "โดยพื้นฐานของมนุษย์กลัวการเปลี่ยนแปลง" เพราะความกลัวการสูญเสียความมั่นคงในชีวิตมันเริ่มมาจากความไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนเองมี
การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย เพียงแต่เราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนเสียก่อน ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่อะไร นั่นคือสิ่งที่สำคัญมาก
เพราะในสิ่งที่ทุกคนมีในตัว มันเป็นแค่พรสวรรค์ขั้นพื้นฐานเท่านั้น ที่กล่าวมาแล้ว ทั้งรู้จักตัวตน ความฝันและแรงบันดาลใจ แต่ตัวการสำคัญที่จะผลักดันทั้งสองสิ่งนี้ให้เกิดเป็นผลไปตามที่เราต้องการ หรือเป้าหมายในชีวิตที่เราวางไว้ที่ไม่ใช่เป็นเพียงอากาศธาตุหรือฝันลมๆ แล้งๆ นั้น คือ
"ต้องลงมือ กล้าทำ กล้าเปลี่ยนแปลงทันที"
แล้วจะทำแบบไหนละ ถึงจะสำเร็จแบบเร็วและแรง??????
ทำงานแบบไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ทำแบบคนสมาธิสั้น เดี๋ยวทำ เดี๋ยวหยุด เดี๊ยวก็กลับมาทำ หรือเป็นพวกที่ชอบทำแบบเมื่อเจอตอหรือเจอปัญหาก็กระโดดหลบเลย อันนี้มันกระจอกไป ต่อให้ทำไปจนตาย แล้วเกิดใหม่อีกสิบชาติมันก็ไปได้ไม่ถึงไหนหรอก
คนที่ไม่ธรรมดาและอยากพบความสำเร็จเร็วๆ นั้น เขาไม่ทำแบบนั้นกัน ถ้าจะกล้าทำอะไรที่เปลี่ยนชีวิตตัวเองทั้งที มันต้องเอาแบบสุดแรงเกิด เอาแบบประเภทที่ว่าลูกบ้าเที่ยวพิเศษ มันถึงจะรุ่ง มันถึงจะดังเปรี้ยงปร้างสะใจ
แต่มันต้องเป็นความกล้าที่มีสติปัญญา เป็นความกล้าที่ถูกต้อง ไม่ใช่ความกล้าแบบไร้สติปัญญาที่หลายคนชอบทำประเภทบอกว่า เฮ้ย! ฉันกล้าทำแล้วนะ ทำไมไม่ดัง ไม่สำเร็จเสียที
คนที่ประสบความสำเร็จแบบเร็วและแรงนั้น เขาใช้ความกล้าแบบพิเศษนี้ไปในทางสร้างสรรค์เชิงบวก เพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว เพื่อสังคมประเทศชาติ เขากล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำ และกล้าที่จะรับผิดชอบ แต่เขาเหล่านั้นจะไม่มีนิสัยดันทุุรังสูงจนเกินเหตุไป
เขากล้าที่จะสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ นวัตกรรมชิ้นเยี่ยมสู่โลก ทั้งวงการศิลปะวิทยาการ วิทยาศาสตร์ การแพทย์ สร้างสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สร้างแนวความคิดในการใช้ชีวิตที่มีความสุข กล้าที่จะทำงานแบบกัดไม่ปล่อย พร้อมที่จะผจญกับความความทุกข์ยากลำบากในชีวิต
เพื่อพิสูจน์ในสิ่งที่เขาคิดในเรื่องต่างๆ และยอมรับความจริงเมื่อมันสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม และที่สำคัญ เขากล้าที่จะเดินหน้าเอาความผิดพลาดต่างๆ ที่ผ่านมาในแต่ละจุด มาเป็นบันไดให้เขาปีนป่ายขึ้นไปสู่ความสำเร็จให้จงได้
"เขารู้เส้นทางของตัวเองดีกว่าใครๆ
ไม่ต้องมีคนสั่งหรือคอยบังคับ"
คนกล้าฝันและกล้าทำแบบนี้ในอดีตมีมาแล้วมากมายในทุกวงการ ไม่ว่าจะเป็นอเล้กซานเดอร์มหาราช นโปเลียน โทมัส เอาวา เอดิสัน หลุย ปาสเตอร์ วินเซนต์ แวนโก๊ะห์ ปิกัสโซ่ มหาตมะ คานธี มาร์ติน ลูเธอร์คิง ท่านติซ นัทฮันห์ บิลเกต สตีฟ จ็อบ มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก ริชาร์ต เบรนสัน วอร์เรน บัฟเฟตต์ ฯลฯ คนเหล่านี้เป็นนักบุกเบิกทั้งนั้น ที่สร้างทางแห่งความสำเร็จมาให้คนรุ่นหลังได้ดููในรูปแบบต่างๆ ต้องยกย่องท่านว่าเป็นครูบาอาจารย์ของคนกล้าฝันยุคใหม่เลยทีเดียว
"คิดจะทำอะไรทั้งที อย่าไปทำอะไรที่มันกระจอกๆ อย่าฝืนทำ มันเสียเวลา ต้องเอามันให้บ้ากันไปข้างหนึ่งเลย ให้มันสะใจกันไปเลย ดูอะไรให้พร้อมใช้ทุกอย่างที่มีในตัวให้หมด
ถ้ายังไม่พร้อมก็ต้องเตรียมให้พร้อมเสียก่อน แล้วดันให้มันเกิด ทำแบบทีเดียวให้มันดังเลย
มันคุ้มกว่ากันเยอะ จาก อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์"
มีพระวจนะของพระเจ้าอยู่บทหนึ่งในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ซึ่งใครที่เคยได้ยินนั้น ต้องบอกว่าชอบมากๆ ซึ่งก็คือ
"จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วท่านจะพบ
จงเคาะแล้วพระเจ้าจะเปิดให้แก่ท่าน"
คนเราทุุกคนนั้นต้องกล้า เมื่อกล้าคิดแล้วต้องกล้าที่จะขอ จะขอกับพระเจ้าที่เราเคารพ ขอกับผู้ใหญ่ ขอกับผู้มีพระคุณ กับเพื่อน หรือแม้แต่กล้าขอกับตัวเองเพื่อจะได้ทำในสิ่งที่คุณรักและเชื่อว่ามันเป็นจริงได้ มันก็จะเป็นจริงได้เสมอ หลายคนที่เป็นนักจิตวิทยาเรียกการขอแบบนี้ "กฎแห่งการดึงดูด" ในขณะเดียวกันความสำเร็จนี้ก็ยังเติมเต็มความกล้า ความมั่นใจในการเลือกที่แตกต่างจากความเชื่อเดิมๆ อันนำมาซึ่งศรัทธาในวิถีทางความคิดนอกกรอบ
คนที่อยากพบกับความสำเร็จแบบเร็วและแรงนั้น ในสมัยนี้ต้องกล้าพาเอาตัวเองไปหาความสำเร็จ เดินเข้าไปหาภูเขาที่ตั้งอยู่ ไม่นอนรอให้ภูเขาขยับเข้ามาหา รู้ว่าตัวเองเก่งก็ไปแสดงตัวให้เขาดูเลยว่าเก่ง
"หลายคนที่ไม่สำเร็จ เพราะเอาความกล้าชนิดพิเศษของตนนั้น ไปใช้ในทิศทางที่ผิด
ผิดเส้นผิดทาง มันถึงไม่สำเร็จ หรือไม่ก็สำเร็จแบบผิวเผิน"
ความกล้าแบบนี้มันเป็นปัจจัยแห่งการประสบความสำเร็จมากมาย ของมหาเศรษฐี นักค้นคิด นักประดิษฐ์ นักการตลาด นักวิจัยของโลกรุ่นใหม่เกือบทุกคนเป็นเพราะเขาทุ่มพลังความกล้าบ้าบิ่นเข้าไปในสินค้า ผลิตภัณฑ์ แนวคิดศิลปะวิทยาการที่มันสามารถจะเปลี่ยนโลก เปลี่ยนแนวความคิด เปลี่ยนวิถีชีวิตของคนได้จริงๆ แต่ขอให้สังเกตกันให้ดีว่า ผลิตภัณฑ์หรือสิ่งใดที่เปลี่ยนแปลงโลกได้นั้นมักจะมีอัตราการเจริญเติบโตของตลาดค่อนข้างสูงมากๆ คล้ายกับการสร้างฐานะขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบไม่คาดฝันของมหาเศรษฐีของโลกหลายคน
แล้วความกล้าแบบนี้จะไปหาได้ที่ไหน บอกได้คำเดียวว่า พระเจ้าประทานมาให้ทุกคนแล้ว มันมีอยู่แล้วในตัวเราทุกคน เราต้องหาให้มันเจอ จะเจอหรือไม่เจอ ไม่มีใครตอบแทนได้ มันขึ้นอยู่กับความกล้าของตัวเองทั้งสิ้น
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น