การคิดแบบคนทั่วไป
![แรงบันดาลใจสู่อิสรภาพและร่ำรวยทางการเงิน รวย ร่ำรวย คนรวย เศรษฐี - คิดบวก คนชั้นกลางและคนรวย คิดแตกต่าง แรงบันดาลใจสู่อิสรภาพและร่ำรวยทางการเงิน รวย ร่ำรวย คนรวย เศรษฐี - คิดบวก คนชั้นกลางและคนรวย คิดแตกต่าง](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiZevWCtenQtgrm8QVqjI1Kb4N_kDWkiLGBP_L0aIzjzC8KNTOHshuF71UvIldS7OlcihkJT8rvV6m6YVt3s4LSiIwaZwg0ucgZFXJ0GY2QGDBC8h21CIrUe2K42KqarFxca9iPtSDhKpA/s1600/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99+%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2+%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2+%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2+%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5+-+%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%81+%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2+%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87.png)
"การหาไอเดียใหม่ๆ
ไม่ยากเท่ากับการหนีออกจากความคิดเก่าๆ"
จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ นักเศรษฐศาสตร์
ความคิดเก่าๆ หมายถึง ความคิดที่คนทั่วไปยอมรับ เป็นความคิดที่สืบทอดต่อๆ กันมาหรืออยู่ในกรอบ บางทีก็เรียกกันว่าความคิดแบบชาวบ้าน
การจะทำอะไรที่สวนทางกับความคิดของคนทั่วไปไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ต่อต้านประเพณีของบริษัท บาทหลวงที่นำดนตรีแนวใหม่มาใช้ในโบสถ์ หรือวัยรุ่นที่ไม่สนใจเทรนด์หรือกระแสที่กำลังนิยมกันอยู่ในปัจจุบัน
วิธีคิดแบบคนทั่วไป
- ง่ายเกินเกินกว่าจะเข้าใจคุณค่าของความคิดดีๆ
- ไม่ยืดหยุ่นพอที่จะเข้าใจถึงผลกระทบของการคิดเพื่อการเปลี่ยนแปลง
- เฉื่อยชาเกินกว่าจะเข้าใจกระบวนการคิดที่มีเป้าหมาย
- แคบเกินกว่าที่จะเข้าใจความลึกซึ้งของการคิดแบบภาพรวม
- พอใจง่ายเกินกว่าจะเข้าถึงศักยภาพของการคิดแบบจดจ่อ
- ยึดมั่นในจารีตมากเกินกว่าจะค้นพบความสนุกของการคิดเชิงสร้างสรรค์
- อ่อนเดียงสาเกินกว่าจะเห็นคุณค่าและความสำคัญของการคิดตามความเป็นจริง
- ไม่มีวินัยพอที่จะเข้าถึงพลังการคิดเชิงกลยุทธ์
- อยู่ในกรอบมากเกินกว่าจะรู้สึกถึงพลังของการคิดแบบทุกอย่างเป็นไปได้
- ไหลตามกระแสมากเกินกว่าจะยอมรับคุณค่าของการคิดทบทวน
- ตื้นเขินเกินกว่าจะกังขาการยอมรับความพื้นๆ
- มีมิจฉาทิฐิมากเกินไป จนไม่สนับสนุนการมีส่วนในการคิดแบบร่วมด้วยช่วยกัน
- หมกมุ่นอยู่กับตัวเองมากเกินไปที่จะรับประสบการณ์ความพึงพอใจจากการคิดแบบไม่เห็นแก่ตัว และ
- ไม่ยอมผูกมัดตัวเองที่จะชื่นชมกับผลตอบแทนจากการคิดเกี่ยวกับบรรทัดสุดท้าย
ถ้าอยากเป็นคนพิเศษ
ก็จงเริ่มทำตัวให้คุ้นกับการที่จะไม่เป็นที่ยอมรับของชาวบ้าน
การคิดแบบคนทั่วไปบางครั้งก็เหมือนไมได้คิดอะไรเลย
การคิดหาไอเดียดีๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าง่ายทกคนก็คงเป็นนักคิดที่ดีกันไปแล้ว โชคไม่ดีที่คนส่วนใหญ่พยายามจะใช้ชีวิตแบบง่ายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก การทำในสิ่งที่คนอื่นทำอยู่แล้วสบายกว่ากันเยอะ ไม่ต้องลำบากที่จะต้องมานั่งคิดเองให้ปวดหัว คนที่ทำมาก่อนก็คงต้องคิดมาแล้วเป็นอย่างดี ตลาดหลักทรัยพ์เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่เราจะเห็นคนประเภทคิดแบบคนทั่วไปเยอะแยะมาก เวลาที่นักวิเคราะห์บางคนให้คำแนะนำแบบฟันธง ก็มักจะมีคนซื้อขายหุ้นตามคำแนะนำกันเป็นแถว โดยไม่เคยคิดที่จะยอมลำบากวิเคราะห์ด้วยตัวเอง คนที่ตั้งใจจะหาเงินจากหุ้นตัวที่เขาแนะนำนั้นก็ทำสำเร็จแล้ว ทันทีที่คนเล่นหุ้นประเภทแมงเม่าได้ข่าว เพราะแมงเม่าชอบตามกระแสเนื่องจากขี้เกียจที่จะคิดคำนวณด้วยตัวเอง
การคิดแบบคนทั่วไปจูงไปในทางที่ผิด
คนส่วนใหญ่จะยึดหลักปลอดภัยไว้ก่อน คนอื่นว่าอย่างไรก็ว่าตามเขาไป ถ้าคนส่วนใหญ่กำลังทำอะไรบางอย่าง ก็แปลว่าการทำแบบนั้นต้องเหมาะสมแล้ว ต้องเป็นความคิดที่ดี ถ้าคนส่วนใหญ่ยอมรับการกระทำแบบนี้ก็แสดงว่าการกระทำแบบนี้น่าจะถูกต้อง ยุติธรรม จริงไหม ไม่แน่เสมอไป
การคิดแบบคนทั่วไปเฉื่อยชาต่อการเปลี่ยนแปลง
คนที่คิดแบบคนทั่วไปมักจะพอใจกับสภาพเดิมๆ เชื่อมันและไว้ใจในสภาพที่เป็นอยู่ในขณะนั้น และจะยึดมั่นไปตลอดถ้ายังสบายอยู่ ผลที่ตามมาคือมีทัศนคติต่อต้านการเปลี่ยนแปลงและปฏิเสธสิ่งใหม่ๆ หรือวิธีใหม่ๆ
การคิดแบบคนทั่วไปให้ผลลัพธ์แบบธรรมดา
ผลลัพธ์ขั้นสุดท้าย การคิดแบบคนทั่วไปจะให้ผลลัพธ์ระดับปานกลาง
คนทั่วไป = คนสามัญ = ธรรมดา = พื้นๆ = ไม่เด่น = ไม่น่าสนใจ
เวลาที่เราคิดแบบคนธรรมดาทั่วไปก็เหมือนกับเราตั้งเพดานความสำเร็จไว้ต่ำ เราไปจำกัดขีดขั้นความสำเร็จคล้ายกับออกแรงเพียงเล็กน้อยพอให้ผ่านพ้นไปได้ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากทำการสิ่งใดให้สัมฤทธิผลระดับไม่ธรรมดา คุณต้องเลิกคิดแบบคนทั่วไป
วิธีตั้งคำถามเกี่ยวกับความคิดแบบคนทั่วไป
มีการพิสูจน์กันอยู่บ่อยๆ ว่า การคิดแบบคนทั่วไปนั้นผิดและเป็นการตีกรอบจำกัด การตั้งแง่ที่จะกังขาไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าฝึกทำบ่อยๆ แต่จะยากอยู่ตรงตอนเริ่มต้นนี่แหละ แต่เรามีวิธีไขให้โดยการทำตามคำแนะจำต่อไปนี้
คิดก่อนจะแห่ตามชาวบ้าน
คนจำนวนมากที่ทำตามคนอื่นโดยไม่รู้ตัว บางครั้งทำไปเพราะอยากจะใช้เส้นทางที่มีการต่อต้านน้อยที่สุด บางครั้งอาจเป็นเพราะกลัวถูกปฏิเสธ หรือเชื่อว่าเป็นการฉลาดที่จะทำในสิ่งที่คนอื่นเขาทำกัน แต่ถ้าอยากประสบความสำเร็จ คุณจำเป็นต้องคิดหาสิ่งที่ดีที่สุด มิใช่คิดหาการยอมรับมากที่สุด การจะท้าทายวิธีคิดแบบคนทั่วไป ต้องยินดีกับการไม่เป็นที่ยอมรับแล้วเดินออกนอกกรอบและเกณฑ์ปกติ
เมื่อคุณเริ่มคิดจะสวนกระแสความคิดแบบชาวบ้าน ขอให้เตือนตัวเองว่า
- การคิดต่างจากคนทั่วไปจะถูกประเมินค่าต่ำกว่าความเป็นจริง จะไม่ได้รับการยอมรับ และจะถูกเข้าใจผิด แม้ว่าผลลัพธ์จากความคิดนั้นจะประสบความสำเร็จก็ตาม
- การคิดต่างจากคนทั่วไปมีเมล็ดพันธุ์ของโอกาสและวิสัยทัศน์
- การคิดต่างจากชาวบ้านเป็นที่ต้องการสำหรับความก้าวหน้าทั้งปวง
ครั้งต่อไปที่คุณรู้สึกพร้อมที่จะทำตามความคิดแบบชาวบ้านในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ขอให้หยุดและคิดก่อนที่จะลงมือทำ ไม่ต้องถึงขั้นต่อต้านหรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องไม่ลอยไปตามกระแสแบบหน้ามืดตามัวเพียงเพราะคุณยังไม่ได้คิดว่าอะไรจะดีที่สุด
เห็นคุณค่าของความคิดที่แตกต่างจากความคิดของคุณเอง
วิธียอมรับการเปลี่ยนแปลงและสิ่งใหม่ๆ คือฝึกชื่นชมความคิดของคนอื่น การจะทำเช่นนี้ได้คุณจะต้องเปิดใจตัวเองเข้าหาคนอื่นที่คิดแตกต่างอย่างต่อเนื่อง ในเมื่อคุณตั้งใจจะท้าทายการคิดแบบชาวบ้าน ก็ควรใช้เวลาอยู่กับผู้คนที่มีความแตกต่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภูมิหลัง ระดับการศึกษา ประสบการณ์ทางอาชีพการงาน ความสนใจส่วนตัว ฯลฯ คุณจะคิดคล้ายกับคนที่คุณใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สด ถ้าคุณใช้เวลาอยู่กับคนที่คิดนอกกรอบ คุณก็มีแนวโน้มที่จะท้าทายการคิดแบบชาวบ้านและบุกเบิกหาหนทางใหม่ๆ
ตั้งข้อสงสัยความคิดของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ทุกครั้งที่เราพบวิธีคิดที่ได้ผล เราก็มักจะกลับไปใช้วิธีนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกแม้ว่ามันจะใช้ไม่ได้ผลแล้วก็ตาม บางครั้งศัตรูของความสำเร็จในวันข้างหน้าที่ร้ายกาจที่สุดคือความสำเร็จของวันนี้ ถ้าคุณเคยมีส่วนเกี่ยวข้องในการคิดริเริ่มหรือลงมือจัดทำ ก่อตั้งหรือกำหนดสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันภายในองค์กรของคุณ ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่คุณจะต่อต้านการเปลี่ยนแปลง แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีขึ้นก็ตาม นี่คือเหตุผลที่ทำไมจะต้องท้าทายความคิดของตัวเอง ถ้าคุณยึดติดกับความคิดของตัวเองมากเกินไป ก็คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
ลองทำสิ่งใหม่ๆ ด้วยวิธีการใหม่ๆ
ครั้งสุดท้ายที่คุณทำอะไรเป็นครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นเมื่อไร คุณหลีกเลี่ยงการเสี่ยงหรือว่าทดลองทำอะไรใหม่ๆ วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกหนีการติดบ่วงความคิดของตัวเองคือการทำสิ่งใหม่ๆ อาจจะทำทีละเล็กละน้อยแต่ทำบ่อยๆ ก็ได้ การทำสิ่งใหม่ๆ ด้วยวิธีการใดไม่สำคัญเท่ากับการได้ลงมือทำจริงๆ (ถ้าคุณทำสิ่งใหม่ๆ แบบเดียวกับที่คนอื่นทุกคนทำอยู่ คุณจะบอกว่าตัวเองสวนกระแสความคิดชาวบ้านได้หรือ) ก้าวออกไปทำอะไรที่แตกต่างจากเดิมบ้าง
ทำตัวให้คุ้นกับความไม่สะดวก
การคิดแบบคนทั่วไปทำได้ง่าย ทำแล้วสบายใจ ถ้าคุณอยากปฏิเสธความคิดแบบคนทั่วไปเพื่อต้อนรับความสำเร็จ คุณจะต้องทำตัวให้คุ้นเคยกับความไม่สะดวกสบายเสียก่อน ถ้าคุณยอมรับการคิดที่แตกต่างจากความคิดแบบคนทั่วไป และตัดสินใจโดยยึดหลักสิ่งที่ให้ผลดีที่สุด หรือยึดหลักความถูกต้องเหมาะสมมากกว่าการเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป คุณต้องรับรู้ในเรื่องนี้ก่อน ในช่วงแรกๆ คุณจะไม่ผิดเหมือนที่คนอื่นคิดว่าคุณเป็น ในช่วงหลังๆ คุณจะไม่ถูกเหมือนที่คนอื่นคิดว่าคุณเป็น และตลอดเวลาตั้งแต่ช่วงแรกไปจนถึงช่วงหลังๆ คุณจะเก่งกว่าที่คุณคิดว่าคุณจะทำได้
อ้างอิงบทความจาก : หนังสือคิดใหใหญ่ คิดให้สำเร็จ โดย John C. Maxwell
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น