วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ความกล้าแบบชนิดที่เปลี่ยนโลกได้



ความกล้าแบบชนิดที่เปลี่ยนโลกได้

แรงบันดาลใจสู่อิสรภาพและร่ำรวยทางการเงิน รวย ร่ำรวย คนรวย เศรษฐี



"Imagination is more important than knowledge"

จินตนาการสำคัญกว่าความรู้


มีการยอมรับกันในเวลานี้ของผู้ที่เคยประสบความสำเร็จแล้วว่า  สิ่งที่จะทำให้คนรุ่นใหม่นั้นพบกับความสำเร็จแบบถล่มถลานนั้น  คือ  ความกล้า  ไม่ใช่แบบปกติธรรมดา  แต่ต้องเป็นความกล้าชนิดที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ถึงจะสำเร็จ


โดยปกติพื้นฐานของนิสัยมนุษย์เราแล้ว  มักไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง  ซึ่งเรื่องนี้ซิกมันด์ ฟรอยด์  นักจิตวิทยาผู้มีชื่อเสียงระดับโลกได้กล่าวไว้ว่า  "โดยพื้นฐานของมนุษย์กลัวการเปลี่ยนแปลง"  เพราะความกลัวการสูญเสียความมั่นคงในชีวิตมันเริ่มมาจากความไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนเองมี

การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย  เพียงแต่เราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนเสียก่อน  ว่าต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่อะไร  นั่นคือสิ่งที่สำคัญมาก

เพราะในสิ่งที่ทุกคนมีในตัว  มันเป็นแค่พรสวรรค์ขั้นพื้นฐานเท่านั้น  ที่กล่าวมาแล้ว  ทั้งรู้จักตัวตน  ความฝันและแรงบันดาลใจ  แต่ตัวการสำคัญที่จะผลักดันทั้งสองสิ่งนี้ให้เกิดเป็นผลไปตามที่เราต้องการ  หรือเป้าหมายในชีวิตที่เราวางไว้ที่ไม่ใช่เป็นเพียงอากาศธาตุหรือฝันลมๆ แล้งๆ นั้น คือ  


"ต้องลงมือ  กล้าทำ  กล้าเปลี่ยนแปลงทันที"


แล้วจะทำแบบไหนละ  ถึงจะสำเร็จแบบเร็วและแรง??????


ทำงานแบบไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ  เหนื่อยก็พัก  ทำแบบคนสมาธิสั้น  เดี๋ยวทำ  เดี๋ยวหยุด  เดี๊ยวก็กลับมาทำ  หรือเป็นพวกที่ชอบทำแบบเมื่อเจอตอหรือเจอปัญหาก็กระโดดหลบเลย  อันนี้มันกระจอกไป  ต่อให้ทำไปจนตาย  แล้วเกิดใหม่อีกสิบชาติมันก็ไปได้ไม่ถึงไหนหรอก

คนที่ไม่ธรรมดาและอยากพบความสำเร็จเร็วๆ นั้น  เขาไม่ทำแบบนั้นกัน  ถ้าจะกล้าทำอะไรที่เปลี่ยนชีวิตตัวเองทั้งที  มันต้องเอาแบบสุดแรงเกิด  เอาแบบประเภทที่ว่าลูกบ้าเที่ยวพิเศษ  มันถึงจะรุ่ง  มันถึงจะดังเปรี้ยงปร้างสะใจ

แต่มันต้องเป็นความกล้าที่มีสติปัญญา  เป็นความกล้าที่ถูกต้อง  ไม่ใช่ความกล้าแบบไร้สติปัญญาที่หลายคนชอบทำประเภทบอกว่า เฮ้ย! ฉันกล้าทำแล้วนะ  ทำไมไม่ดัง  ไม่สำเร็จเสียที

คนที่ประสบความสำเร็จแบบเร็วและแรงนั้น  เขาใช้ความกล้าแบบพิเศษนี้ไปในทางสร้างสรรค์เชิงบวก  เพื่อตัวเอง  เพื่อครอบครัว  เพื่อสังคมประเทศชาติ  เขากล้าที่จะคิด  กล้าที่จะทำ  และกล้าที่จะรับผิดชอบ  แต่เขาเหล่านั้นจะไม่มีนิสัยดันทุุรังสูงจนเกินเหตุไป

เขากล้าที่จะสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ นวัตกรรมชิ้นเยี่ยมสู่โลก  ทั้งวงการศิลปะวิทยาการ  วิทยาศาสตร์  การแพทย์  สร้างสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ   สร้างแนวความคิดในการใช้ชีวิตที่มีความสุข  กล้าที่จะทำงานแบบกัดไม่ปล่อย  พร้อมที่จะผจญกับความความทุกข์ยากลำบากในชีวิต

เพื่อพิสูจน์ในสิ่งที่เขาคิดในเรื่องต่างๆ และยอมรับความจริงเมื่อมันสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม  และที่สำคัญ  เขากล้าที่จะเดินหน้าเอาความผิดพลาดต่างๆ ที่ผ่านมาในแต่ละจุด  มาเป็นบันไดให้เขาปีนป่ายขึ้นไปสู่ความสำเร็จให้จงได้


"เขารู้เส้นทางของตัวเองดีกว่าใครๆ 
ไม่ต้องมีคนสั่งหรือคอยบังคับ"


คนกล้าฝันและกล้าทำแบบนี้ในอดีตมีมาแล้วมากมายในทุกวงการ  ไม่ว่าจะเป็นอเล้กซานเดอร์มหาราช  นโปเลียน  โทมัส เอาวา  เอดิสัน หลุย  ปาสเตอร์ วินเซนต์  แวนโก๊ะห์ ปิกัสโซ่   มหาตมะ คานธี  มาร์ติน ลูเธอร์คิง  ท่านติซ นัทฮันห์   บิลเกต   สตีฟ จ็อบ  มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก   ริชาร์ต เบรนสัน  วอร์เรน  บัฟเฟตต์ ฯลฯ  คนเหล่านี้เป็นนักบุกเบิกทั้งนั้น  ที่สร้างทางแห่งความสำเร็จมาให้คนรุ่นหลังได้ดููในรูปแบบต่างๆ ต้องยกย่องท่านว่าเป็นครูบาอาจารย์ของคนกล้าฝันยุคใหม่เลยทีเดียว

"คิดจะทำอะไรทั้งที  อย่าไปทำอะไรที่มันกระจอกๆ อย่าฝืนทำ  มันเสียเวลา  ต้องเอามันให้บ้ากันไปข้างหนึ่งเลย  ให้มันสะใจกันไปเลย  ดูอะไรให้พร้อมใช้ทุกอย่างที่มีในตัวให้หมด
ถ้ายังไม่พร้อมก็ต้องเตรียมให้พร้อมเสียก่อน  แล้วดันให้มันเกิด  ทำแบบทีเดียวให้มันดังเลย
มันคุ้มกว่ากันเยอะ  จาก อ.เฉลิมชัย  โฆษิตพิพัฒน์"


มีพระวจนะของพระเจ้าอยู่บทหนึ่งในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล  ซึ่งใครที่เคยได้ยินนั้น  ต้องบอกว่าชอบมากๆ ซึ่งก็คือ

"จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วท่านจะพบ
จงเคาะแล้วพระเจ้าจะเปิดให้แก่ท่าน"

คนเราทุุกคนนั้นต้องกล้า  เมื่อกล้าคิดแล้วต้องกล้าที่จะขอ  จะขอกับพระเจ้าที่เราเคารพ  ขอกับผู้ใหญ่  ขอกับผู้มีพระคุณ  กับเพื่อน  หรือแม้แต่กล้าขอกับตัวเองเพื่อจะได้ทำในสิ่งที่คุณรักและเชื่อว่ามันเป็นจริงได้  มันก็จะเป็นจริงได้เสมอ  หลายคนที่เป็นนักจิตวิทยาเรียกการขอแบบนี้  "กฎแห่งการดึงดูด"  ในขณะเดียวกันความสำเร็จนี้ก็ยังเติมเต็มความกล้า  ความมั่นใจในการเลือกที่แตกต่างจากความเชื่อเดิมๆ อันนำมาซึ่งศรัทธาในวิถีทางความคิดนอกกรอบ 

คนที่อยากพบกับความสำเร็จแบบเร็วและแรงนั้น  ในสมัยนี้ต้องกล้าพาเอาตัวเองไปหาความสำเร็จ  เดินเข้าไปหาภูเขาที่ตั้งอยู่  ไม่นอนรอให้ภูเขาขยับเข้ามาหา  รู้ว่าตัวเองเก่งก็ไปแสดงตัวให้เขาดูเลยว่าเก่ง


"หลายคนที่ไม่สำเร็จ  เพราะเอาความกล้าชนิดพิเศษของตนนั้น  ไปใช้ในทิศทางที่ผิด
ผิดเส้นผิดทาง  มันถึงไม่สำเร็จ  หรือไม่ก็สำเร็จแบบผิวเผิน"


ความกล้าแบบนี้มันเป็นปัจจัยแห่งการประสบความสำเร็จมากมาย  ของมหาเศรษฐี  นักค้นคิด  นักประดิษฐ์  นักการตลาด  นักวิจัยของโลกรุ่นใหม่เกือบทุกคนเป็นเพราะเขาทุ่มพลังความกล้าบ้าบิ่นเข้าไปในสินค้า  ผลิตภัณฑ์  แนวคิดศิลปะวิทยาการที่มันสามารถจะเปลี่ยนโลก  เปลี่ยนแนวความคิด  เปลี่ยนวิถีชีวิตของคนได้จริงๆ  แต่ขอให้สังเกตกันให้ดีว่า  ผลิตภัณฑ์หรือสิ่งใดที่เปลี่ยนแปลงโลกได้นั้นมักจะมีอัตราการเจริญเติบโตของตลาดค่อนข้างสูงมากๆ คล้ายกับการสร้างฐานะขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบไม่คาดฝันของมหาเศรษฐีของโลกหลายคน

แล้วความกล้าแบบนี้จะไปหาได้ที่ไหน  บอกได้คำเดียวว่า  พระเจ้าประทานมาให้ทุกคนแล้ว  มันมีอยู่แล้วในตัวเราทุกคน  เราต้องหาให้มันเจอ  จะเจอหรือไม่เจอ  ไม่มีใครตอบแทนได้  มันขึ้นอยู่กับความกล้าของตัวเองทั้งสิ้น



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น