วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557

การรู้จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง



การรู้จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง

แรงบันดาลใจสู่อิสรภาพและร่ำรวยทางการเงิน รวย ร่ำรวย คนรวย เศรษฐี - การรู้จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง


การรู้จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง จะทำให้คุณเริ่มต้นการเดินทางสู่เป้าหมายของคุณได้อย่างถูกทางมากขึ้น ถ้าเช่นนั้น มาดูกันว่าคุุณเป็นนักใช้เงินประเภทใดใน 6 ประเภทนี้


1. นักใช้เงินประเภท "ช่างมันฉันไม่แคร์"
คุณทำท่าว่า "ฉันไม่แคร์" แต่ที่แท้คุณเป็น "ทาสของเงิน" อย่างน่าสงสารที่สุด  คุณไม่เพียงควบคุมเงินไม่ได้  แต่ยังเผลอยอมให้เงินเป็นนายของคุณ  บ่อยครั้งที่เงินทำให้คุณทั้งอึ้ง อาย และกลัว  แต่แทนที่จะยอมรับว่าควบคุมเงินไม่อยู่ คุณกลับเอาชีวิตรอดแบบแถๆ ด้วยการหลอกตัวเองว่า "ช่างมันฉันไม่แคร์" ฉันมีความสุขดี  มีอะไรสนุกๆ  ในชีวิตให้ทำอีกตั้งมากมายแทนที่จะมานั่งกังวลเรื่องเงิน
ปัญหาใหญ่ : เริ่มต้นคิดเรื่องเก็บเงินล่าช้า  ชอบปกปิดปัญหา  หลอกตัวเองว่าฉันสบายดี กว่าจะตื่นขึ้นมายอมรับความจริงก็แทบแก้ไขอะไรไม่ทัน
รากปม : การเงินและการลงทุนคือยาขมที่ไม่มีวันจะยอมลิ้มรส โทษพ่อแม่ของตัวเองว่าไม่เคยปลูกฝังความรู้เรื่องเงินให้เขาเลย  ทุกครั้งที่เขามีปัญหาไปปรึกษา  สิ่งที่พ่อแม่ทำคือบ่นปากเปียกปากแฉะก่อนหยิบสมุดเช็คขึ้นมาเซ็นให้
ไม่รอดแน่ถ้า : ไม่เลิกวิ่งหนีความจริงโดยถอดเกราะป้องกันตัวสารพัดชนิดออก  ต้องเลิกปฏิเสธที่จะเรียนรู้  ดับความอายที่จะยอมรับว่าไม่รู้เรื่อง  และลงมือทำความเข้าใจมันอย่างจริงจัง
ลงมือเดี๋ยวนี้ : หักดิบนิสัยเดิม  ถ้ามีหนี้สินต้องรับรู้และพยายามกำจัดโดยด่วน  หาเทคนิคใช้หนี้ที่เข้มงวดกับตัวเองที่สุด  เช่นให้เจ้าหนี้หักบัญชีทุกเดือน  ทำอย่างเดียวกันกับบัญชีเงินเก็บ ให้ธนาคารโอนเงินอัตโนมัติทุกครั้งที่เงินเดือนออกท่องไว้ให้ขึ้นใจ : อย่าเชื่อว่าคุณทำไม่ได้  เดี๋ยวจะเป็นจริง  คิดว่าทำได้ทำได้และทำได้เท่านั้น


2. นักใช้เงินประเภท "ตะกายดาว"
คุณเป็นพวกอยากยกระดับฐานะ  ชีวิตคือการแข่งขันและความฝันคือการอยู่เหนือคนอื่น  คุณต้องได้ในสิ่งที่อยากได้  แม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยดิ้นรนปานใดคุณก็ไม่หวั่น  คุณไม่เพียงทุ่มเทพลังแรงกล้าที่จะประสบความสำเร็จ  แต่ยังยอมทุ่มเทเงินทองเพื่อสร้างภาพพจน์ของผู้ประสบความสำเร็จด้วย  การกระหายความยอมรับนับถืออาจทำให้คุณตกหุบเหวหายนะได้ง่ายๆ อนาคตคุณอาจกลายเป็นโคบาลที่สวมหมวกสวยใบใหญ่แต่ไม่มีวัวเหลือเลยสักตัว
ปัญหาใหญ่ : คุณมีแต่หน้า  ไม่มีเงิน  คุณไม่ได้ถังแตกก็จริง แต่การประคองชีวิตเลิศหรูในแต่ละเดือนนั้นเล่นเอาคุณกระเป๋าแห้ง คุณไม่ได้ยากจนขันแค้น  แค่เอาเงินอนาคตมาใช้ในปัจจุบันจนเกือบหมดแล้วเท่านั้นเอง
รากปม : ส่วนใหญ่คนประเภทนี้คือบุคคลที่ฐานะทางบ้านแต่เดิมเคยมีฐานะดี แล้วเกิดมีเหตุการทำให้เหตุการณ์ผลิกพันจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ไม่รอดแน่ถ้า : ไม่หยุดคิดและทบทวนวิธีใช้ชีวิตเกินฐานะของตัวเอง
ลงมือเดี๋ยวนี้ : เลือกอย่างเดียวในชีวิตที่คุุณขาดไม่ได้ไว้ก็พอ ที่เหลือคุณต้องยอมทิ้งมันบ้าง วิธีการคือลิสต์รายการใช้จ่ายของคุณในปีที่ผ่านมา  ไม่ว่าจะเป็นเงินประกันชีวิต ค่าเล่าเรียน ท่องเที่ยว ฟิตเนส ของขวัญ แล้วเริ่มพิจารณาให้ถ่องแท้ว่ามีอะไรบ้างที่ไม่ได้ช่วยให้คุณดูดีขึ้นมาอย่างที่คุณคิด ตัดมันออกจากชีวิตเสียบ้าง
ท่องไว้ให้ขึ้นใจ : ของขวัญอย่างเดียวที่มีความหมายต่อคุณคือ คุณค่าของตัวเอง ไม่ใช่วัตถุที่คุณมีอยู่


3. นักใช้เงินประเภท "เสพติดหนี้"
คุณเป็นพวกไม่มีเป้าหมายชีวิต  เสพติดการใช้จ่าย  คุณอ่อนแอเกินกว่าจะยอมรับว่าคุณกำลังถังแตก  คุณแก้ปัญหาแบบขายผ้าเอาหน้ารอด  คุณกำลังกดหัวตัวเองจมน้ำลงไปเรื่อยๆ คุณต้องการความช่วยเหลือด่วน  ถ้ายังไม่อยากขาดใจตายใต้โคลนดูด
ปัญหาใหญ่ : มีชีวิตอยู่เพื่อปัจจุบันเท่านั้น  สุขปัจจุบันสำคัญเหนืออื่นใด  แม้สุขนั้นจะเกิดจากการใช้เงินที่ไม่ใช่ของตนก็ตาม  มองโลกในแง่ดีว่าไม่ช้าปัญหาจะหมดไป  แต่ด้วยวิธีไหนยังไม่อยากคิด
รากปม : ไม่ใช่ไม่รู้ว่านิสัยของตัวเองเป็นอย่างไร แต่อ่อนแอและรักตัวเองเกินกว่าที่จะแก้
ไม่รอดแน่ถ้า : ไม่เลิกปรนเปรอตัวเองในทางที่ผิด  ควรหันมารักตัวเองด้วยการสร้างกำลังใจให้ตัวเอง  ลุุกขึ้นจัดการกับปัญหาก่อนที่จะตกอยู่ในภาวะล้มลาย
ลงมือเดี๋ยวนี้ : ยอมรับว่าตัวเองกำลังหายนะ โทรหาเจ้าหนี้และคุยกันอย่างเปิดอก วางแผนการเงินใหม่  ลุกขึ้นมาแก้ปัญหาอย่างเข้มแข็ง  แสวงหาความช่วยเหลือจากผู้ที่มีความรู้เรื่องการปลดหนี้
ท่องไว้ในใจ : อดีตคืออดีต  คุุณแก้มันไม่ได้  แต่คุณแก้ปัจจุบันได้ถ้าคุณลงมือทำ


4. นักใช้เงินประเภท "ชมรมขนหัวลุก"
คุณกลัวความไม่มั่นคงจนขนหัวลุก  คุณจึงคิดคำนวณค่าใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์อย่างละเอียดยิบ  คุณเป็นแม่บ้านประเภทมีคูปองส่วนลดติดกระเป๋าเป็นปึก  เปรียบเทียบราคาทุกห้างก่อนซื้อของสักชิ้นไชโยโห่ฮิ้วได้เลย สมาชิก "ชมรมขนหัวลุก" อย่างคุณได้รวยแน่  แม้โอกาสที่ "ชมรมขนหัวลุก" จะเป็นหนี้สินจะยากมาก  แต่โอกาสที่พวกเขาจะได้เงินก้อนโตจากการเสี่ยงก็ยากไม่แพ้กัน  ความกลัวทำให้  "ชมรมขนหัวลุก" สูญเสียโอกาส  พวกเขากลัวที่จะลงทุน  กลัวที่จะสูญเงินทุน  แม้คนกลุ่มนี้จะมีเงินเก็บ  แต่เงินเก็บของพวกเขาจะทวีค่าช้ามาก
ปัญหาใหญ่ : เงินก็เหมือนคน ให้นั่งเฉยๆ ทั้งวันไม่ทำอะไรเลยย่อมเป็นผลเสียต่อสุขภาพ  แม้จะได้ดอกเบี้ยธนาคาร  แต่อัตราเงินเฟ้อจะทำให้เงินที่ดองในขวดโหลลดค่าของมันลงเรื่อยๆ
รากปม : อาจเคยยากจนมาก่อน  จึงไม่เคยลืมเลือนวันที่แสนทุกข์เข็ญในอดีต
ไม่รอดแน่ถ้า : ยังยอมให้เงินมีอิทธิผลเหนือชีวิตขนาดนั้นเพราะไม่ใช่เงินหรอกที่ทำให้คุณเครียด ความวิตกกังวลของคุณเองต่างหาก  เรียนรู้ที่จะปล่อยวางอดีตลงเสียบ้าง  ปรับชีวิตปัจจุบันให้สมดุลและเข้าใจธรรมชาติของความไม่แน่นอน
ลงมือเดี๋ยวนี้ : ใช้บุคลิกที่ได้เปรียบของคุณให้เป็นประโยชน์  แทนที่จะวิ่งหนีความเสี่ยง  จงใช้ความอดทนอดกลั้นและละเอียดถี่ถ้วนของคุณทำให้เงินงอกเงย  ขณะที่คนอื่นต้องฝึกอดทนอดกลั้น  คุณก็ต้องฝึกที่จะสนุกกับความเสี่ยงบ้าง  คุุณอาจเริ่มต้นจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำก่อน  จนมีความชำนาญ แล้วจึงเริ่มขยับไปหาการลงทุนหลายๆ รูปแบบ
ท่องไว้ในใจ : ชีวิตแสนสั้น  การคอยนับสตางค์แม้จะไม่เสี่ยงแต่ก็ไม่มีความสุข  ใช้ชีวิตของคุณให้มีรสชาติขึ้นอีกนิด  คุณเป็นหนี้บุญคุณชีวิตอยู่นะ


5. นักใช้เงินประเภท "รถไฟเหาะ"
คุณเป็นประเภทคิดถึงความมั่นคงเป็นหลัก  และโชคดีที่คุณมีมันสำเร็จ  คุุณทำประกันชีวิตที่มีทุนประกันสูงพอสมควรและมีบัญชีเงินเก็บหลังเกษียณแล้ว แต่คุณกำลังจะลงมือทำอะไรบางอย่างที่ใจรัก  ซึ่งมันจะนำคุณไปสู่ความเสี่ยง  คุณอยากขึ้นรถไฟเหาะ  แต่คุณยังลังเลกลัวว่ามันจะเกิดอุบัติเหตุุกลางอากาศ
ปัญหาใหญ่ : แม้คุณจะดูเหมือนประสบความสำเร็จ  แต่แท้จริงแล้วคุณรู้สึกว่ามันยังไม่เกิดขึ้นกับคุณจริงๆ คุณมีเงินเก็บก้อนใหญ่  แต่นั่นไม่ทำให้คุณรู้สึกอิ่มเต็มในส่วนลึกของจิตใจ
รากปม : ถูกปลูกฝังความคิดจากคนรุ่นเบบี้บูม  ต้องจบมาสอบเข้างานราชการเพราะมีความมั่นคง มีสวัสดิการ พ่อแม่อยู่สบาย
ไม่รอดแน่ถ้า : ไม่เริ่มต้นทำในสิ่งที่ติดค้างในใจ  จงใช้ทักษะที่คุณมีอยู่เปี่ยมล้นในตัวเพื่อไปสู่เป้าหมายที่คุณปรารถนา
ลงมือเดี๋ยวนี้ : ตอบตัวเองให้แน่ชัดถึงสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ ในชีวิต  แล้ววางแผนจัดชีวิตให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณปรารถนาให้เป็น  ก่อนลงมือทำในสิ่งที่คุณไม่แน่ใจ  ให้ลดความเสี่ยงลงด้วยการเตรียมการไว้ในยามที่ทุกอย่างพลิกผัน ทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญการลงทุน  ทำทุกอย่างที่จะช่วยลดความวิตกกังวลของคุุณ
ท่องไว้ให้ขึ้นใจ : ชีวิตก็เหมือนรถไฟเหาะ ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไม่เสี่ยง


6. นักใช้เงินประเภท "ชีวิตคือการพนัน"
ชีวิตคือการพนัน  ไม่ได้ก็ต้องเสีย  คือปรัชญาชีวิตของคนกลุ่มนี้  ที่มักรวมเอาบรรดา "ผู้ประกอบการ" ประเภท "หมูุไม่กลัวน้ำร้อน" ไว้ด้วย คนกลุ่มนี้คิดว่าตัวเองเก่ง ฉลาด เร็ว รู้ทัน คม เขี้ยวและไม่มีทางล้มเหลว พวกเขาเป็นพวกเร้าร้อน  อยากลอง  และมั่นใจว่ายังไงมันก็ต้องได้ผลแน่ๆ
ปัญหาใหญ่ : คนกลุ่มนี้ใช้เงินด้วยอารมณ์ล้วนๆ พวกเขามักต้อง "พิสูจน์" ตัวเองด้วยการลงทุนทำอะไรสักอย่างอยู่เสมอ  ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ล้มและเจ็บ แต่เมื่อลุกขึ้นมาใหม่ก็มั่นใจเกินร้อยทุกครั้ง  พวกเขาไม่เคยประเมินสถานการณ์ในทางลบเลย
รากปม : เปรียบเสมือนพวกมือใหม่หัดเป็นนักลงทุน
ไม่รอดแน่ถ้า : ไม่ลดความร้อนแรงลงบ้าง  ความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ  แต่ต้องประกอบด้วยความสุขุมรอบคอบจึงจะดี
ลงมือเดี๋ยวนี้ : หัดวางแผนชีวิตบ้าง  ชีวิตไม่ใช่เรื่องเสี่ยงอย่างเดียว  ชีวิตต้องมีแผนการด้วยสำหรับผู้ประกอบการ  คุณอาจต้องเปลี่ยนวิธีทำงาน เลิกระบบ "ข้ามาคนเดียว" ให้มืออาชีพที่เชี่ยวชาญชำนาญกว่าคุณเข้ามาช่วยดำเนินธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยง แต่ถ้าคุณคือผู้ชำนาญการคนนั้นก็ลองหัดหาเงินคนอื่นมาลงทุุนให้ตัวเองบ้าง
ท่องไว้ให้ขึ้นใจ : ชีวิตไม่ใช่สนามแข่งรถ  ไม่ต้องเหยียบมิดเสมอไปก็ได้



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น